หายหน้าหายตาไปนาน สำหรับศิลปินตลกชื่อดัง ชูษี เชิญยิ้ม ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจถึงชีวิตปัจจุบัน ผ่านช่องยูทูบ เหลือเฟือ ชาเเนล ของเพื่อนตลกร่วมรุ่น เหลือเฟือ มกจ๊ก หลังมีแฟนๆ ส่งข้อความถามไถ่เข้ามามากมาย ในทำนองว่า ตอนนี้ทำอะไรอยู่ หายไปไหน และสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?
โดย ชูษี เชิญยิ้ม ได้ตอบคำถามดังกล่าวแบบหมดเปลือก พร้อมย้อนเล่าไปถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ของ หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ พระสิ้นคิด วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ ด้วยความตั้งใจที่จะหันหลังให้กับวงการบันเทิง…
จริงๆ แล้วพี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาอยู่หรอก แต่คือหลวงตาท่านไปถามคนๆ นึง ซึ่งเขาเป็นผู้พิพากษาที่เขารู้จักกับพี่ เขาเคยแต่งเพลงให้พี่ร้อง แล้วคือหลวงตาท่านต้องการให้พี่ไปร้องเพลงให้ท่าน ก็คือเป็นเพลงที่ผู้พิพากษาแต่งให้นี่แหละ โดยหลวงตาท่านให้เหตุผลว่า ท่านรู้ว่าพี่มีอะไรในใจ มีทุกข์อยู่ในใจ ซึ่งพอได้ยินข้าวมาแบบนั้น พี่ก็เลยตัดสินใจเดินทางขึ้นมาหาหลวงตา กราบท่าน แล้วก็ขอท่านฝากตัวเป็นศิษย์ ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน รู้แค่ว่าอยากจะมาหา
จำได้เลยว่าวันนั้นตอนที่มาหาก็รู้สึกธรรมดา ไม่ได้ลงใจอะไรมากมาย มานอนที่นี่ 1 คืน รุ่งเช้าก็กลับกรุงเทพฯ จากนั้นหลวงตาท่านก็ติดต่อมา ถามว่าวันที่ 15 มีคิวว่างไหม มีงานจะจ้าง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ว่างหรอกเพราะติดคิวอื่นแล้ว แต่ไม่รู้เป็นอะไร อยากจะมาหา อยากจะมาเจอท่าน แล้วหลังจากนั้นก็มาเรื่อยๆ มาอยู่ครั้งละ 4-5 วัน ถึงขนาดเคยมีอารมณ์แบบร้องไห้โฮบนรถแท็กซี่เลยนะ ที่ต้องกราบลาหลวงตาทุกวันนี้ดื่มเหล้าไหม ?
ไม่กินเลย ไม่ดื่ม กัญชาไม่เอา แต่บุหรี่ยังสูบ
กิจกรรมตอนที่อยู่วัดทำอะไร ?
ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่บางทีก็กวาดวัด ขัดห้องน้ำ ตื่นเช้าออกไปช่วยพระช่วยหลวงตาบิณฑบาตร เหมือนทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ปักหลักที่นี่ไม่เล่นละครแล้ว ?
อยู่ที่นี่ แต่ถามว่าเล่นละครไหม เอ่อ…ก็ตั้งสัจจะกับหลวงตาไว้ ว่าถ้าจะให้ออกจากวัดต้องมี 50,000 คือถ้าเอาก็ไป ถ้าไม่เอาก็ไม่ไป รายการอะไรก็ 50,000 บาท ต่อวัน หนังก็ได้ละครก็ได้ เพราะเอาจริงๆ ตัวพี่เองก็หันกลับมานั่งนึกเหมือนกันนะว่า พี่แสวงหาอะไรตลอดหลายปีที่ใช้ชีวิตมา กิน ขี้ ปี้ นอน มันเพราะอะไร ซึ่งไม่ใช่ว่าเราไม่ดี แต่มันเป็นเพราะเราไม่พอ
คิดถึงเรื่องทำมาหากินไหม ?
คือพี่นั่งคิดกับตัวเองดูว่า จริงๆ กินข้าวมื้อเดียวเราก็อิ่ม แล้วเราจะดิ้นรนทำไม พี่เองก็ใกล้ตายแล้ว อายุพี่ก็ 63-64 จะอยู่ถึง 70 หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ที่ผ่านมาพี่ใช้ชีวิตประมาท
ทุกวันนี้นั่งปฏิบัติธรรม ?
นั่งเป็นชั่วโมง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนนั่ง 5 นาที 10 นาที ก็อึดอัดแล้ว เดี๋ยวนี้นั่งทุกวัน วันละหลายรอบด้วย เราสามารถนั่งปฏิบัติธรรมได้ทุกที่เลย แล้วอย่างตอนนี้ตัวพี่เองก็กำลังฝึก “พอใจ กับ ไม่พอใจ” เพราะพี่อยากจะตัดความไม่พอใจออกจากสมองออกจากสันดารของพี่ให้หมด
ทำไมไม่บวช ?
หลวงตาบอกว่านิสัยพี่ไม่เคยเป็นพระ แต่อยู่แบบนี้ได้
ก่อนหน้านี้เคยเจอดราม่า ?
ชีวิตพี่เคยพลาดมาตั้งแต่เรื่องอ๊อดแล้ว คนด่าพี่ว่า พี่เอาอ๊อดมาหากิน เอาเขามาชุบมือเปิป แล้วดูตอนนี้สิ อ๊อดมีรถมีบ้าน ส่วนชูษีอยู่วัด ซึ่งเอาตรงๆ นะ ใครจะว่าอะไรก็ว่าเถอะ ใครจะว่าพี่ตกกระป๋องต้องมาหากินอยู่วัด พี่ก็โอเคได้ครับ ทุกอย่างพี่ยอมรับ จบที่เราเบาที่สุด พี่ไม่ตอบโต้
มาอยู่วัดได้อะไรบ้าง ?
ไม่ได้อะไรหรอก คือ…มันมารอความตาย มาฝึกตาย มาทำลายตน เราอยากให้เพื่อนพ้องน้องพี่ศิลปินอย่ามัวแต่ทำงานหาเงิน จนลืมเวลาค้นหาใจตัวเอง ก่อนตาย อย่าตายฟรี เป็นห่วงแค่นี้แหละ
ฝากถึงแฟนคลับ ?
ทุกชาติ ทุกศาสนา สอนคนให้เป็นคนดี ไม่มีศาสนาไหนสอนคนให้เป็นคนชั่ว กรรมคือการกระทำ เจตนาคือการกระทำ ใครจะเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ท่าน แต่สำหรับผม ผมเชื่อ (ยิ้ม) ผมมาอยู่ที่นี่รอความตาย จะ 70 แล้ว อีกแค่ 6 ปี